ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
10 อันดับสิ่งของต้องคำสาป
พร้อมที่มาของความน่าสะพรึงกลัว
บางชิ้นแค่มีไว้ในครอบครองก็อาจจะทำให้ชีวิตคุณเดินไปสู่จุดจบอย่างง่ายดาย...
10 อันดับ สิ่งของต้องสาปพร้อมประวัติครบทุกชิ้น ไล่ตั้งแต่
อันดับ 10 หน้ากากนักรบเมารี
อันดับ 9 เพชรโก อิ นัวร์
อันดับ 8
กองทัพทหารดินเผา
อันดับ 7 ภาพเด็กร้องไห้
อันดับ 6 เดลี เพอร์เพิล แซฟไฟร์ หรือไพลินม่วงแห่งเดลี
อันดับ 5 เพชรโฮป
อันดับ 4 เอเยอร์สร็อค
อันดับ 3 เพชร แบล็ก ออร์โลฟ
อันดับ 2 ผนังหิน
บลาร์นีย์ สโตน
จะน่ากลัวขนาดไหนไม่เชื่ออย่าลบหลู่
เพราะของบางชิ้นแค่มีไว้ครอบครองก็อาจจะพาให้ชีวิตของคุณเดินไปสู่สุดจบได้โดยไม่รู้ตัว
อันดับ 10 หน้ากากนักรบเมารีชาวเมารีเป็นชนพื้นเมืองในนิวซีแลนด์ที่ได้ใช้เวลาเกาะสลักหน้ากากและรูปปั้นก่อนที่จะมุ่งหน้าไปสนามรบ
ตามความเชื่อของชาวเมารี หากนักรบคนใดเสียชีวิตจากการสู้รบ ดวงวิญญาณของพวกเขาจะสิงสถิตในหน้ากาก
และกลายเป็นหน้ากากต้องสาปที่เป็นภัยคุกคามคนอื่นๆ
โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์และช่วงมีประจำเดือนจะเป็นอันตรายมากหากเข้าใกล้
ด้วยเหตุนี้ในพิพิธภัณฑ์อังกฤษจึงมีป้ายเตือนผู้หญิงให้ทราบในขณะรับชมหน้ากากของชนเผ่ามารี
อันดับ 9 เพชรโก อิ
นัวร์เพชรโก อิ นัวร์
(มีความหมายว่าภูเขาแห่งแสงสว่าง) เป็นเพชรหนักกว่า 186 1/16 กะรัต (37.21 กรัม)
ที่มีความเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเพชรที่มีชื่อเสียงต่างๆ จากทั่วโลก
เพชรดังกล่าวถูกยึดมาจากลีปซิงห์ในปี ค.ศ. 1850 โดยบริษัทอังกฤษอินเดียตะวันออก
และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมงกุฏเพชรอังกฤษ
โดยตำนานฮินดูโบราณเชื่อว่าพระกฤษณะเป็นผู้สวมใส่เพชรเม็ดนี้
กล่าวกันว่าผู้ใดครองเพชรเม็ดนี้จะได้ครองโลก หากแต่จะพบโชคร้ายของมันด้วย
โดยเจ้าของเพชรจะพบแต่ความขัดแย้งและความรุนแรง ตัวอย่างเช่น เชอร์ ชาห์ ซูรินาเม
แห่งอินเดียได้พ่ายแพ้สนามรบ
จักรพรรดิหุมายุนได้เพชรต่อมาก็เสียชีวิตจากการถูกระเบิด ลูกชายชาลัล
ถูกฆ่าตายโดยพี่ชายของเขา ซึ่งจะยกเว้นพระเจ้าหรือผู้หญิงเท่านั้นที่สวมเพชรเม็ดนี้โดยไม่ต้องคำสาปแต่อย่างใด
อันดับ 8 กองทัพทหารดินเผาในปี 1974 กลุ่มชาวเกษตรกร 7 คนได้ค้นพบโบราณคดีที่น่าอัศจรรย์
นั้นคือกองทัพของทหารดินเผาที่ถูกฝังใต้ดิน ในหมู่บ้านซีหยาง เมืองหลินถง
ซึ่งกองทัพทหารดินเผานั้นมีการปั้นที่มีความละเอียดสมจริง
ตัวหุ่นสวมชุดเกราะมีคันธนู และลูกธนูทองเหลือง
และเมื่อมีการค้นหาเพิ่มเติมก็พบว่ามีรูปปั้นทหารและรถม้าดินเผามากกว่า 8,000
ตัว และรถม้าไม้ 100 คัน ในอาณาเขตพื้นที่กว่า
20,000 ตารางเมตร เชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุสานของฉินสื่อหวง
ที่ยิ่งใหญ่ของจีน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าการค้นพบจะมีคุณค่าทางโบราณคดีและมีชื่อเสียงของประเทศ
มากเพียงใด หากแต่กลุ่มเกษตรกรที่พบดินเผาะพวกนี้กลับต้องพบกับคำสาปและความโชคร้าย
สามในกลุ่มเกษตรเสียชีวิตไม่กี่สิบปีต่อมาทั้งที่ยังหนุ่ม เกษตรกรที่เหลือลาออกและทำงานแรงงานขั้นต่ำทั้งที่เต็มไปด้วยหนี้และโรคภัย
ไข้เจ็บ
อันดับ 7 ภาพเด็กร้องไห้ภาพเด็กร้องไห้เป็นภาพชุดซีรีย์โดยจิตกรจี
บราโกลิน
ที่หลายคนเชื่อว่าจิตกรคนดังกล่าวใช้เด็กชายโชคร้ายที่สูญเสียครอบครัวจากเพลิงไหม้ลึกลับคนหนึ่งเป็นต้นแบบร่างภาพ
ซึ่งรูปถ่ายดังกล่าวเป็นที่นิยมมากในอังกฤษ หากแต่เวลาต่อมาในปี 1980 ก็กลายเป็นตำนานเมืองว่ากันว่าเป็นภาพต้องสาป
หากใครแขวนภาพบนนี้ในบ้านก็จะเกิดไฟไหม้บ้านลึกลับ
และที่น่าแปลกใจคือในขณะที่บ้านและข้าวของไหม้เป็นเถ้าถ่าน
หากแต่มีภาพวาดเด็กร้องไห้ ผนังที่แขวนเท่านั้นที่ไม่ไฟจากเปลวเพลิงอย่างน่าพิศวง
อันดับ 6 เดลี
เพอร์เพิล แซฟไฟร์ หรือไพลินม่วงแห่งเดลีเดลี เพอร์เพิล แซฟไฟร์
หรือไพลินม่วงแห่งเดลี เชื่อว่าหินถูกปล้นมาจากวัดอินเดีย ในช่วงกลางปี 1800 กล่าวกันว่าใครที่ครอบครองมันจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพและการเงินแก่ผู้เป็น
เจ้าของ ตัวอย่างเช่นเอ็ดเวิร์ด เฮรอนอัลเลน
นักเขียนเขียนชื่อดังที่ได้ครอบครองไพลินนี้
จนเกิดเรื่องโชคร้ายแก่เขาและคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพและการเงิน
แม้เขาพยายามโยนมันลงไปในคลองเพื่อกำจัดมันให้พ้นทาง
แต่สามเดือนต่อมามันยังกลับคืนสู่เจ้าของ
จนเขาต้องส่งมันไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอน
พร้อมกับมีคำแนะนำว่าห้ามให้ใครแตะต้องสัมผัสมันหลังจากการตายของเขา
อันดับ 5 เพชรโฮปเพชรโฮป เป็นเพชรขนาดใหญ่
หนัก 45.52 กะรัต (9.10 กรัม) สีน้ำเงินเข้ม
ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติสมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน
ดี.ซี. เพชรโฮปได้รับการอธิบายว่าเป็น
"เพชรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก"และเป็นเพชรที่มีคำสาป
ซึ่งมันมีประวัติศาสตร์บันทึกยาวนานเปลี่ยนมือเจ้าของหลายครั้งระหว่างทางจากอินเดียไปฝรั่งเศส
ไปอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นจะพบกับความโชคร้าย ความตายที่เกิดจากการฆาตกรรมและโศกนาฏกรรมอื่นๆ
โดยเจ้าของคนแรกคือพ่อค้าเพชรชาวฝรั่งเศสชอง-แบปตีส ตาแวร์นีเย
ซึ่งเขาได้นำเพชรนี้ลอบเข้าไปในปารีสซึ่งตามตำนานกล่าวว่าเขาถูกหมาป่ากิน
อันดับ 4 เอเยอร์สร็อคเอเยอร์สร็อค หรือ อูลูรู
เป็นหินยักษ์ที่ตั้งตระหง่านในชนบทของออสเตรเลียที่มีนักท่องเที่ยวหลายพันคนเข้าชมมากมายในแต่ละปี
ซึ่งสำหรับชาวอะบอริจินิสถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และเนื่องจากหินยักษ์นั้นเม็ดหินเรียบและมีเม็ดแร่สวยงามเพราะมีหินต่างๆ
หลายชนิดรวมกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวบางคนเอาชิ้นส่วนหินกลับบ้านด้วย นอกจากจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายที่เอาชิ้นส่วนหินออกนอกประเทศแล้ว
หินนั้นยังเป็นมีคำสาปแช่งหากใครครอบครองมันจะนำมาซึ่งโชคร้าย
โดยเฉพาะหากนำชิ้นส่วนออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของมัน
ซึ่งส่วนมากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะโดนคำสาปกันถ้วนหน้าและมักส่งหินของพวกเขาทางพัสดุกลับไปยังประเทศออสเตรเลียพร้อมกับข้อความขอโทษ
อันดับ 3 เพชร
แบล็ก ออร์โลฟเพชร แบล็ก ออร์โลฟ
หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ " เนตรแห่งพรหม" ขนาด 67.50 กะรัต ค้นพบในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
ในประเทศอินเดีย
กล่าวกันว่าเป็นดวงตาของพระพรหมที่ถูกขโมยมาตามความชื่อของนักบวชศาสนาฮินดู
ซึ่งอัญมณีถูกส่งผ่านไปยังเจ้าของหญิงหลายคนและซึ่งมีประวัติว่าผู้ที่เคยเป็นเจ้าของมันถึง
3 ราย ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าสยดสยอง
สองในผู้หญิงที่ครอบครองมันได้กระโดดจากตึกสูงตาย
อย่างไรก็ตามมีความพยายามล้างคำสาปที่ติดตามกับเพชร ด้วยการเพชรออกเป็นสามเม็ดย่อม
จากนั้นเพชรถูกกระจายไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดามหาเศรษฐีทำให้สามารถรอดพ้นคำสาปมาได้
อีกทั้งผู้เป็นเจ้าของก็ไม่หวั่นเพราะเพชรที่ว่าสวยมากจนไม่สนคำสาปเลยทีเดียว
อันดับ 2 ผนังหิน
บลาร์นีย์ สโตนผนังหิน บลาร์นีย์
สโตนเป็นหินในตำนานบนยอดหอคอยของปราสาทบลาร์นีย์ ที่สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก ในไอร์แลนด์
กล่าวกันว่าผู้ใดที่จุมพิตผนังหินที่นี้จะมีแต่ความโชคดีร่ำรวย
ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีบุคคลสำคัญ ประธานาธิบดี
นักแสดงและนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายจูบผนังนี้ อย่างไรก็ตามหากนำชิ้นส่วนของหินใดๆ
จะนำมาซึ่งคำสาปแช่งในชีวิตของคนที่ขโมยมัน
จากรายงานพบว่ามีหลายคนโชคร้ายหลังแอบหินนี้กลับมาบ้าน หลายคนมีภาวะซึมเศร้า
ถูกเลิกจ้างงาน เป็นผลทำให้หลายคนทนไม่ไหวจึงส่งหินนี้ทางพัสดุไปยังสถานที่ของมันในที่สุด
อันดับ 1 ไอซ์แมนไอซ์แมนเป็นมัมมี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ของชายอายุมากกว่า
5,000 ปีมาแล้ว
โดยพบในเดือนกันยายน1991 ในเทือกเขาแอลป์
พรมแดนระหว่างออสเตรียกับอิตาลี โดยร่างของเขาถูกคนพบในน้ำแข็งครึ่งร่าง
ถือว่าเป็นมัมมี่สมบูรณ์ที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์
ปัจจุบันอยู่ในพิธภัณฑ์โบราณคดีในโบลซาโน ภาคเหนือของอิตาลี
มัมมี่ดังกล่าวเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดและน่าพิศวง
รวมไปถึงคำสาปโดยเชื่อว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมัมมี่ตนนี้ไม่ว่าจะเป็นคนค้นพบและคนตรวจสอบจะตายอย่างลึกลับ
โดยมีเหยื่อตายเพราะคำสาปทั้งสิ้นเจ็ดราย หนึ่งในผู้ค้นพบไอซ์แลนด์เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางที่จะไปกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสิ่งที่พบ
และนักวิจัยคนอื่นๆ เสียชีวิตเพราะหิมะถล่มในเวลาไม่นาน
ส่วนนักวิจัยคนอื่นเสียชีวิตจากสาเหตุเลือดผิดปกติหลังจากพบไอซ์แมน
ที่มา : Toptenthailand